หอแต๊วแตกสัปะหยด เรื่องย่อ อยู่ๆก็เกิดเหตุราวแปลกๆสังกัด “อาวัวย” (วีรดิษฐ์ ศรีพวงมาลัย) ลูกชายที่รักของ “พี่สาวกะเทย” (จาตุรงค์ พลบูรณ์ ) กระทั่งผู้เป็นแม่จะต้องขอความเห็นกับ “แพนด้า” (เจริญพร อ่อนคล้ายคลึง) ฝาแฝดผู้น้องแสนเป็นระเบียบเรียบร้อยของผีสุดซ่าอย่าง “แพนขนมเค้ก” (เจริญพร อ่อนคล้าย) อีกทั้งสามก็เลยออกค้นหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆที่เกิดขึ้น
จนถึงเดินทางไปถึงหมู่บ้าน “สัปะหยด” แล้วก็ตรงนี้เอง ทำให้อีกทั้งสามได้พบกับเรื่องราวสุดแปลก อีกทั้งพระชายหนุ่มอีกทั้งสามรูป หญิงสาวที่ชื่อว่า “น้ำฝน” (พรรณทิพา ใกล้รุ่งวัฒนชัย) ซึ่งอาศัยอยู่กับผู้เป็นแม่ รวมทั้งวิญญาณของผีสาวอปิ้ง “ดอกต้นหญ้า” (กันตำหนิชา ชุมมะ) ที่ออกก่อกวนไล่หลังหลอกจนถึงราษฎรต่างกลัว รวมทั้งกลุ่มราษฎรที่มักกระทำตัวแปลกๆจนกระทั่งน่าสงสัย ร้อนถึงผีซ่าแสนดื้ออย่าง “แพนขนมเค้ก” ที่จำเป็นต้องกลับมาผนึกกำลังร่วมมือกับพี่สาวตุ๊ด ที่หมู่บ้านสัปะหยดที่นี้
เรื่องราวโดยอย่างคร่าวๆของหนังภาคนี้ หอแต๊วแตกสัปะหยด
เป็น อาวัวย (สวมบทบาทโดย วีรดิษฐ์ ศรีพวงมาลัย) ถูกผีเข้าภายหลัง พยูน (สวมบทบาทโดย ติ๊ก กลิ่นสี) เข้ามาเพราะว่ายังรู้เรื่องว่าอาวัวยเป็นคุณหลวงคู่รักเก่าของตัวเอง จนถึงทำให้คุณยายผีธี่หยดเข้ามาอยู่รวมทั้งหมายสังหาร จนถึงพี่สาวตุ๊ด (สวมบทบาทโดยจาตุรงค์ พลบูรณ์) จะต้องขนอาวัวยและก็แพนด้า (เล่นบทโดย โก๊ะตี๋-เจริญพร อ่อนคล้ายคลึง) น้องสาวของแพนขนมเค้กไปยังหมู่บ้านสัปะหยดเพื่อหาทางช่วยเหลืออาวัวย แต่ว่าตามฟอร์มว่างานนี้ควรมีเหล่ากะเทยวิ่งหนีผี แล้วก็เหล่าชายหนุ่มๆแก้ผ้าอยู่กลางทางจวบจนกระทั่งเหตุจะคลี่คลาย
อย่างที่พวกเราเกริ่นไว้แล้วว่าเหล่าแฟนคลับของหนังชุด ‘หอพักตุ๊ดแตก’
ก็น่าจะติดตามดูกันแน่ๆสำหรับหนังภาคนี้ ซึ่งความเพลิดเพลินของหนังรอบที่ผมมองในวันที่ 14 เดือนมีนาคม 2567 วันแรกที่หนังเข้าก็ดูเหมือนชอบใจกับมุกด่าทอกันไปกันมาของกะเทยไม่น้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าลูกเล็กเด็กแดงที่อายุมิได้ถึง 15+ ตามเรตหนังก็ดูเหมือนจะหน้าจอยกับหนังได้อย่างไม่ยากเย็น ดูจากตอนออกมาจากโรงก็จำคำด่าว่ามาร้องใส่กันมองสวยดีนะครับ จัดว่าหนังพี่พชร์ทำให้เยาวชนสามารถเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะได้เร็วดีจังเลย
หอแต๊วแตกสัปะหยด ในภาคนี้จุดโฟกัสที่เรื่องราวของ พี่สาวตุ๊ด กับ อาโคย ที่อยู่ถูกผีลึกลับรังแกและก็คล้ายกับว่ามีคนทำของใส่อาวัวย ทำให้พี่สาวกะเทยที่มี แพนด้า อยู่ข้างเคียงระหว่างที่ แพนขนมเค้ก ไปพักร้อน จำต้องออกตามหาตัวการให้ติดอยู่กลบนั้น จนถึงไปเยี่ยมที่หมู่บ้านสัปะหยดที่แสนวังเวง ก่อนภาพจะตัดไปพบว่ามีพระ 3 รูปช่วยเหลือพี่สาวกะเทยไว้ แต่ว่าแพนด้ากลับหายไปเป็นปัญหา งานนี้พี่สาวก็เลยจำเป็นต้องขอกำลังเสริม เรียกตัวแพนขนมเค้กกลับมาทำหน้าที่ทันทีทันใด ก่อนที่จะทั้งหมดทุกอย่างจะสายเกินความจำเป็น
แล้วหลังจากนั้นก็แน่ๆ…ลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของหนังชุดนี้
“พชร์ อานนท์” เกือบจะรับหน้าที่ในทุกๆภาคส่วนของหนัง ไล่มาตั้งแต่ควบคุมเอง เขียนบทหนังเอง ดูแลงานโปรดักชันเอง และก็คงจะทำแคสติ้งผู้แสดงเองด้วย และก็ยังจะควบตำแหน่งผลประโยชน์กองถ่ายไปถึงนู่นเลยก็ว่าได้ ในเมื่อทุกหน้าที่กลุ่มอยู่ที่คนผู้เดียว แม้กระนั้นใช้ความสามารถพิเศษและก็ความเป็นมือโปรให้แต่งตั้งผลงานออกมา ไม่มีผู้ใดคงจะทำเป็นเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว
เป็นภาพยนตร์ตลก-สยองขวัญไทยที่เป็นภาคต่อจากภาพยนตร์ชุด “หอพักแต๊วแตก” ซึ่งมีเอกลักษณ์ส่วนตัวในแนวคอมเมดี้สุดขำและก็ความแปลกใหม่ในเรื่องราวที่มักผสมกับความเชื่อถือทางไสยเวทของไทย รวมทั้งการแสดงที่เต็มไปด้วยนักแสดงที่มีคาแร็กเตอร์แจ่มชัด ซึ่งเป็นที่นิยมจากผู้ชมที่ติดตามมาโดยตลอด
ในภาคนี้ “หอพักแต๊วแตกสัปะหยด” ยังคงความฮาแบบจัดเต็ม กับการเพิ่มความเร้นลับและก็ความระทึกใจจากพล็อตสยองขวัญ การเดินเรื่องนั้นยังคงมีการผสมระหว่างคำพูดตลกทางด้านวัฒนธรรมไทยกับฉากหลอนสยดสยองๆโดยนักแสดงหลักยังคงเป็นกรุ๊ปเดิมที่ผู้ชมรู้จักดี ทำให้หนังรักษาความสนุกสนานร่าเริงแล้วก็ความเป็นเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่ว่าสำหรับบางบุคคลบางทีอาจมีความรู้สึกว่ามุกตลกขบขันแล้วก็พล็อตเรื่องในบางช่วงค่อนข้างจะซ้ำกับภาคก่อนๆซึ่งอาจจะทำให้เสียความสดใหม่ไปบ้าง แต่ คนที่เป็นแฟนๆตัวยงของแฟรนไชส์ “หอพักแต๊วแตก” คงจะยังคงเพลินไปกับการดูหนังภาคนี้
ในด้านงานสร้างจำเป็นต้องบอกเลยว่าแอบรู้สึกแปลกใจเบาๆ
อยู่เช่นกัน เนื่องจากว่าแปลงเป็นว่า หอพักตุ๊ดแตก แหกสัปะหยด เหมือนจะกลับมาคืนฟอร์มของตนเองในแง่ดีอีกที หากแม้ตัวหนังจะยังสะเปะสะปะแบบเดิมๆอันเป็นลายเซ็นไปแล้ว แต่ว่าสำหรับภาคนี้ค่อนข้างจะเอาใจใส่ในเนื้อหามากยิ่งขึ้น ปรับความละเอียดรอบคอบกลับมาได้หน่อย และก็ที่สำคัญหนังกลับมามีบทหนังที่จะต้องเป็นบทหนังมากขึ้นกว่าเดิม ภายหลังที่เสน่ห์นี้มันเลือนลางจางหายไปตั้งแต่หนังภาคแรกๆ
บางครั้งอาจจะจะต้องบอกเลยว่า หอแต๊วแตกสัปะหยด ทำให้เชื้อเชิญคิดไปถึงฟีลในขณะที่เคยได้ดูหนังหอพักกะเทยแตก ภาคแรก หรือ ภาค 2 เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา บทหนังประเด็นนี้จัดว่ามีน้ำหนักและก็เส้นเรื่องมากขึ้น เห็นได้ชัดๆว่าเพียรพยายามลดการอิมโพรไวส์ในบทแล้วก็ดาราลงในจำนวนที่พอดี หลายจุดที่หยอดมุกที่มานะออกสมุทร แต่ว่าก็รีบตบกลับเข้ามาเส้นเรื่องได้อย่างเก่ง
ถึงโครงเรื่องจะเป็นยำจักจี้ 2 ภาพยนตร์ไทยที่ประสบผลสำเร็จในปี 2566 อย่าง “สัปเหร่อ” กับ “ธี่หยด” แม้กระนั้นก็กลั่นออกมาเป็นหนังชักชวนจี๋ที่มีสตอปรี่เป็นของตนเอง พล็อตบางครั้งก็อาจจะกล้วยๆเฮฮา เบาสมอง รวมทั้งทราบดีว่าผู้ชมต้องการจะมองเห็นอะไรรวมทั้งมองอะไร ต่างเอามาเสิร์ฟและก็เซอร์วิสแฟนคลับได้ตรงจริตอย่างที่ควรเป็น ซ้ำพล็อตหลักรวมทั้งพล็อตรองของหนังภาคนี้ก็ออกจะหนักแน่นดี บางทีอาจจะไม่ใช่อะไรใหม่เลย แม้กระนั้นเปลี่ยนเป็นความกลมกล่อมที่ชักชวนให้นึกถึงภาคแรกๆของหนังชุดนี้ก้าวหน้าแบบเดียวกัน
หนึ่งในไฮไลต์ของหนังชุดหอพักกะเทยแตกก็ยังทำเป็นสม่ำเสมอดี
มันก็คืองานดีไซน์ฉากแล้วก็คอสตูมต่างๆหากจะพูดตรงไปตรงมาก็คือ “งานกะเทยจริงๆ” ความสร้างสรรค์และก็การแต่งตั้งเสื้อผ้าในแบบที่ผลออกมาไม่คาดฝัน ยังแปลงเป็นหนึ่งในสีสันที่ชักชวนสร้างอารมณ์ขันให้กับตัวหนังได้อย่างดีเยี่ยม และก็เป็นการรักษาเสน่ห์ที่ทำเป็นดีของหนังชุดนี้อยู่ถัดไป
แล้วก็ดูราวกับว่าโอกาสนี้พี่พชร์จะต้องการดันบาร์หนังชุด ‘หอพักตุ๊ดแตก’ ขึ้นไปอีกระดับเพราะว่านอกเหนือจากมุกเย้าแหย่เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ได้ 700 ล้านมาปะทะ ‘ธี่หยด’ ได้ 500 ล้าน มาเป็นซีนโอเพ่นนิ่งสุดยอดเยี่ยมพร้อมซีจี 700,000,000 สร้างตำนานหนังที่พากเพียรใช้ซีจีโดยไม่จำเป็นให้โลกจำแล้ว ในฐานะที่ปีนี้ได้ตามหนังเข้าชิงออสการ์อยู่บ้างก็พบว่าหนังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ้อนทับกับบรรดาคู่แข่งหนังออสการ์ปี 2024 นี้ได้แบบหน้าไม่อาย เอ้ย ! ได้อย่างเกินจริง
‘Barbie’ สีชมพูบนชุด LGBTQ + กับการศึกษาค้นพบค่าในตนเองของพี่สาวตุ๊ด อันนี้หากแม้หนังจะมิได้ย้ำมากมาย แม้กระนั้นพวกเรากลับอดดูมิได้ว่าหนังภาคนี้มิได้จุดโฟกัสหัวข้อการแสดงเป็นกะเทยบอกจีนของคุณลุงรงค์ จาตุรงค์ พลบูรณ์แล้วเนื่องจากมั่นใจว่าผู้ชมเพียงแค่มองเห็นหน้าก็จะมองเห็นสีชมพูในจิตใจ ด้วยเหตุผลดังกล่าวถึงแม้ว่าคุณลุงรงค์จะมีกล่าว “จิงหลุกๆไปบั้ง” หรือหลุดค้างแรกเตอร์พี่สาวตุ๊ดไปบ้างก็อย่าได้สนใจ หรือจนกระทั่งแนวทางการขายค้างแรกเตอร์เฮฮาสังขารของ LGBTQ+ ในหนังก็เน้นทำให้มองเห็นแง่งามของกะเทยทุพพลภาพที่เสิร์ฟน้ำพี่สาวตุ๊ดอย่างทุกข์ยากจนถึงผู้ชมหัวเราะไม่ออก ฉะนั้นการได้ดูกะเทยดุด่ากัน กะเทยแอบมองเพศชายอาบน้ำก็มิได้แตกต่างจากฉากที่มาร์โก ร็อบบี้ (Margot Robbie) แลเห็นแง่งามในรอยเหี่ยวย่นของหญิงสูงอายุที่ป้ายหยุดรถโดยสารประจำทาง
นอกเหนือจากนั้น หอแต๊วแตกสัปะหยด (2024) ยังคงใช้เอกลักษณ์การผลิตเสียงหัวเราะจากเหตุการณ์ที่มองไม่น่าเชื่อแล้วก็ผู้แสดงที่มีลักษณะสะดุดตา โดยยิ่งไปกว่านั้นหน้าที่ของผู้แสดงที่เป็นกะเทย ซึ่งถูกพรีเซนเทชั่นด้วยแนวทางที่มีอีกทั้งความสนุกสนานร่าเริงรวมทั้งเสียดสีอย่างชาญฉลาด การแสดงของดาราหลักยังคงบอกให้เห็นถึงการทำงานด้วยกันที่มีความเคมีที่ดี ทำให้การเล่าเรื่องมองบันเทิงใจและก็มีพลังตลอดทั้งเรื่อง
ข้อดีอีกประการหนึ่งเป็นการออกแบบฉากแล้วก็เครื่องแต่งตัวที่มีชีวิตชีวา
และก็ความคิดริเริ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศของหนังให้มองบันเทิงใจเพิ่มขึ้น โดยยิ่งไปกว่านั้นฉากในตอนที่มีการไล่ล่าหรือตอนสยองขวัญที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นตาม
แม้กระนั้น มีบางรีวิวที่บอกว่าการใช้มุกขำขันแบบซ้ำๆซากๆรวมทั้งการเดินเรื่องที่บางทีรู้สึกคาดคะเนได้ง่าย ทำให้บางช่วงของหนังมองจืดจางไปบ้าง โดยยิ่งไปกว่านั้นผู้ชมที่มิได้ติดตามแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่ตอนแรก บางทีอาจมีความรู้สึกว่าหนังมิได้มีอะไรมากสักเท่าไรนักในเชิงรายละเอียด
สรุปแล้ว หอแต๊วแตกสัปะหยด ยังคงเป็นหนังที่รองรับความต้องการของแฟนคลับที่ติดตามมาอย่างช้านาน รวมทั้งยังมีเสน่ห์ในแบบของตนเองสำหรับคนที่รู้สึกชื่นชอบหนังคอมเมดี้แนวหลอนๆ
ะถ้าหาก ‘The Zone of Interest’ ทำให้มีความรู้สึกถึงความน่าสยดสยองของการฆ่าล้างเชื้อสายด้วยเสียงแล้วก็การออกแบบงานภาพแบบแอบถ่ายแล้ว ‘หอพักกะเทยแตก แหกสัปะหยด’ กลับสอนมวยหนังข้างต้นด้วยการใช้ ‘เสียงออฟซีน (offscene)’ เพื่อสอนว่าบางคราวถ้าพวกเราถ่ายรูปมาไม่เพียงพอตัดก็จำเป็นต้องเฉลี่ยวฉลาดที่จะใส่เสียงนักแสดงลอยๆกับฉากรถยนต์วิ่งบนถนนหนทางที่ถ่ายด้วยโดรนเพื่อเพิ่มๆเรื่องให้มันเพียงพอมี ใส่เสียงพี่สาวกะเทยขับร้อง ‘Passion’ ของเปิล ไอริที่กับภาพหอพักพี่สาวกะเทยตอนเปิดเรื่องแบบไม่มีแหล่งที่มา
หรือการเพิ่มผีในเรื่องให้มันมากมายๆเมคอัพหน้าเหลวๆของผีให้เป็นจำนวนมาก
ก็เพื่อเป็นความคิดเห็นกับ ‘The Zone of Interest’ เป็นวิธีการทำให้น่าขนลุกเพื่อบอกผู้ชมว่า โลกนี้ไม่มีอะไรจะต้องกลัว แถมพี่พชร์ยังคงใช้วิธีการเดียวกันกับมุกขบขันของหนังอีกทั้งเรื่องด้วยเนื่องจากถึงจะมีชื่อเสียงว่าเป็นคอมเมดี้ คุณก็ไม่มีความสำคัญควรต้องตั้งใจขำตลอดระยะเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุกที่แพนขนมเค้กเผลอไปมีอะไรกับหนุ่มน้อยอายุ 17 ปีราวกับกรณีนักมวยโอลิมปิกคนนั้น ก็ยังอุตส่าห์มีประโยชน์มาสอนให้รู้จักการตรวจบัตรประจำตัวประชาชนของคู่รักก่อนที่จะจำต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลก็ถือได้ว่าเป็นคุโณปการกับผู้ชมจำนวนไม่ใช่น้อย
ในส่วนของงานสร้าง จะต้องกล่าวว่า หอแต๊วแตกสัปะหยด มุ่งไปในทางหลอนมากพอสมควร ด้วยเหตุว่าเรื่องราววนเวียนอยู่ในหมู่บ้านกึ่งกลางป่า ฉากช่วงเวลากลางวันถือว่าถ่ายงามอยู่เช่นกัน แต่ว่าโครงเรื่องจำนวนมากจะดำเนินช่วงเวลาค่ำคืนที่มีผีออกมาหลอกคน ซึ่งคุณพชร์ อานนท์ ก็รังสฤษฏ์ออกมา ได้ราวกับหนังผีจริงๆมากมาย ก็เลยน่าพิจารณามากยิ่งกว่า หากว่าหัวข้อนี้เป็นหนังผีแนวตั้งใจจริง ก็อาจดีไม่น้อย
ส่วนเรื่องของบทรวมทั้งการเดินเรื่องนั้น
แน่ๆว่าคงจะความเป็นเอกลักษณ์ของ หอพักกะเทยแตก ไว้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้ชมสามารถสนุกสนานกับหนังได้อย่างง่ายดาย แม้ไม่คิดอะไร แต่ว่าในทางตรงกันข้าม หากเป็นผู้ที่ซีเรียสกับบท แหล่งที่มาจำเป็นต้องแจ่มกระจ่าง ความประพฤติปฏิบัติของนักแสดงจะต้องมีเหตุผล ก็ได้โอกาสสูงที่จะรังเกียจหนังประเด็นนี้ หรือไม่ก็ชิงชังไปเลย ด้วยเหตุว่าหัวข้อนี้ทำมาให้ผู้ชมที่ดูหนังแบบไม่คิดมากมาย
แน่ๆว่ากลุ่มดาราหลักก็คือผู้เล่นตัวเด่นที่สุดของหนังชุดนี้ “จาตุรงค์ พลบูรณ์” ที่อยู่กับหนังชุดนี้มาตั้งแต่เริ่ม จนกระทั่งบัดนี้เขาเกือบจะถอดองก์หน้าที่ พี่สาวกะเทย ไม่ออกเสียแล้ว การแสดงของเขาก็ไหลลื่นไปตามสไตล์ จะมีก็แค่วัยที่เหี่ยวเฉาไปตรงเวลา แม้กระนั้นวิธีการทำหน้าที่เป็นพี่สาวตุ๊ดของเขาก็ยังทำเป็นดี เหมือนกันกับ “โก๊ะตี๋ เจริญพร” ที่ก็อยู่มาตั้งแต่จุดเริ่ม ร่างแพนขนมเค้กได้ประจำตัวเขาไปชั่วชีวิตไปแล้ว สลัดอย่างไรก็ออกจะยาก
การรับส่งรวมทั้งต่อบทกันระหว่าง 2 ดารานำประเด็นนี้ ก็น่าจะเป็นการคืนผลกำไรให้กับผู้ชมโดยตลอด แน่ๆว่าในภาคนี้ ผู้กำกับยังคงปลดปล่อยให้พวกเขาทั้งสองได้อิมโพรไวส์บทกันอย่างอิสระ ถึงจะลดความเละเทะลงไป แม้กระนั้นถือว่าเป็นการลดเพื่อรักษาจังหวะที่กำลังเหมาะสมดีต่อตัวหนัง ระหว่างที่ผู้แสดงสมทบคนอื่นก็เสริมมาเป็นสีสันตามสไตล์พี่พชร ที่ไม่ต้องไปย้ำถึงจุดตื้นลึกหนาบางอะไรมากมาย มันเป็นการใส่เข้ามาให้เต็มๆแล้วก็ภาคนี้ก็นับได้ว่าเป็นภาคที่มีตัวละครแน่นอยู่ไม่น้อย congressodeacessibilidade