Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2

Code 8 Part 2 (2024)

Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2 ของหนังระดมทุนเล็กๆเมื่อปี 2019 ที่ฉายโรงแล้วได้เข้ามาฉายใน Netflix จนกระทั่งมียอดผู้ชมสูงเพียงพอ ทำให้ Netflix ลงทุนให้ทำต่อ (แม้กระนั้นภาคแรกหลุดจากระบบไปแล้วมิได้เป็นของ Netflix) โดยได้ผู้กำกับเขียนบทคนเดิม Jeff Chan และก็ดารานำคนเดิม Robbie Amell และก็ Stephen Amell เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกที่มวลชน 4% เกิดขึ้นมาพร้อมพลังพิเศษแล้วก็โดนหุ่นยนต์สุดไฮเทคควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด สมัยก่อนผู้ต้องขังจำต้องร่วมมือกับเจ้าพ่อสารเสพติดที่เขาชังเพื่อปกป้องรักษาเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากตำรวจผู้ต้มตุ๋น

เรื่องย่อ ในโลกที่ประชาชน 4% เกิดขึ้นมาพร้อมพรสวรรค์เหนือธรรมชาติ แม้กระนั้นใช่ว่าพวกเขาจะแปลงเป็นมหาเศรษฐรหรือซุปเปอร์วีรบุรุษ พวกเขากลับถูกสังคมบังคับจำเป็นต้องให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างยากไร้ เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อชายคนหนึ่ง (ร็อบบี้ อาเมลล์, The Flash) จำต้องดิ้นรนหารายได้มาเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลแม่ของเขา เขาดำเนินงานเป็นลูกจ้างจวบจนกระทั่งเขาร่วมกับกลุ่มมิจฉาชีพ (สตีเฟ่น อาเมลล์, Arrow) ที่สอนให้เขาใช้พลังของตนเองเพื่อก่อคดี ไม้ซุงกัง (แฟรนไชส์ The Fast and the Furious) ที่ร่วมแสดงในหนังสั้นต้นฉบับ กลับมาสวมบทบาทเดิมเป็นตำรวจที่รอไล่ล่าขโมยที่ใช้พลังแหกข้อบังคับอย่างไม่

เป็นหนังเล่าในอนาคตที่มีมวลชนนิดหน่อยเกิดขึ้นมากับพลังพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น หลอมโลหะได้ด้วยมือไม่ ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้า มีพลังมากมายเหนือมนุษย์ธรรมดา ฯลฯ แต่ว่าถึงคนเหล่าจะมีพลังพิเศษแต่ถูกต้านทานจากทางการว่าเป็นกลุ่มชนอันตราย จำเป็นต้องถูกกำจัดหรือถ้าหากต้องการอยู่รอด ปฏิบัติงานหารายได้ได้จำเป็นที่จะต้องเสียเงินเสียทองไปขึ้นบัญชีก่อน

เปิดเรื่องด้วย “คอนเนอร์ รีด” (สวมบทบาทโดย Robbie Amell) ผู้ชายผู้มีพลังพิเศษสำหรับในการปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงได้ราวกับปิกาจู้ อุตสาหะดำรงชีวิตอยู่อย่างเงีบบๆเป็นคนเดินดิน ดราม่าตรงที่คอนเนอร์ไม่มีงานทำ แม้กระนั้นอุตสาหะอย่างมากเพื่อจะหารายได้มารักษาแม่ที่มีอาการป่วยเป็นเนื้องอกในสมองระยะขยาย เนื้องอกไปกดสมองไว้ทำให้แม่ไม่อาจควบคุมการใช้พลังพิเศษของตนได้ จนกระทั่งวันหนึ่งคอนเนอร์ก็ได้เจอกับ “เอ็งร์เร็ตต์” (สวมบทบาทโดย Stephen Amell คุ้นตาชินตาอย่างดีเยี่ยมจากการแสดงเป็น Green Arrow ใน ซีรี่ส์ ARROW Netflix) ซึ่งมึงร์เร็ตต์เป็นผู้ที่ทำให้คอนเนอร์ได้ฝึกซ้อมแล้วก็ปล่อยพลังที่จริงจริงของตัวเองออกมา

แต่เดิม Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2  เป็นหนังสั้นไซไฟแอ็กชัน

ของ เจฟฟ์ เฉลียง ในปี 2016 ที่ได้ศิลปินโด่งดังอย่างลูกพี่ลูกน้องสายดารานำชายซีรีส์อีกทั้ง สตีเฟน เอเมล จาก Arrow และก็ รอบบี เอเมล จาก The X-Files แถมยังพ่วงศิลปินเอเซียเบอร์ใหญ่อย่าง ขอนไม้ คัง หรือ ฮาน จากหนังเชื้อสาย Fast and Furious โดยเล่าถึงโลกสมมุติที่ผู้มีพลังพิเศษถูกเลือกปฏิบัติจนกระทั่งหนึ่งในพวกเขาต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมด้วยพลังของตน ซึ่งบทคอนเนอร์ผู้แสดงนำจากหนังสั้นก็ยังได้ รอบบี เอเมล กลับมาสวมบทบาทเดิมในหนังยาวพ่วงพี่ชายอย่าง สตีเฟน เอเมล ที่ได้มารับบทบาท เอ็งร์เรต ผู้แสดงใหม่ที่เพิ่มเข้ามา

โดยได้ ท่อนไม้ คัง กลับมาสวมบทบาทตำรวจที่ครั้งนี้เพิ่มเนื้อหาเป็น ปกรมประชาสงเคราะห์ อัปเกรดจากหนังสั้นที่เป็นเพียงแต่ตำรวจเที่ยวตรวจปกติ พร้อมความยาวที่เพิ่มจาก 10 นาทีเป็น 98 นาที ซึ่งจำเป็นต้องเห็นด้วยว่าถึงแม้ไอเดียจากหนังสั้นจะเวิร์กอยู่แล้วรวมทั้งการเพิ่มเรื่องราวของโลกอาชญากรรมผู้มีพลังพิเศษจะน่าดึงดูดแม้กระนั้นการยัดเรื่องราวเป็นอย่างมากของมันก็ทำให้ผลทางดราม่าที่เป็นส่วนสำคัญอย่างความข้องเกี่ยวแม่ลูกของคอนเนอร์ที่หนังมานะใบเสร็จรับเงินต์ไม่ทำงานซักเท่าไหร่

พวกเราเพิ่งจะมารู้ภายหลังดูหนังเรื่อง Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2 จบไปแล้ว ว่าภาพยนตร์ประเด็นนี้เคยเป็นที่เอ๋ยถึงมาก่อน ในฐานะหนังสั้นเหมาะสมที่สุด แต่ว่าเพียงพอเอาพล๊อตมาขยายให้ยาวมากขึ้น กลับต้องมาพบว่า มันทำให้ Code 8 แปลงเป็นหนังเป็ด ที่อะไรดีแล้ว อะไรก็ตำหนิมิได้ แม้กระนั้นที่จริงแล้ว มันไปไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่น ซีนอารมณ์ หรือรวมถึงเคล็ดลับพิเศษที่ใช้สำหรับเพื่อการถ่ายทำ

แต่ พล๊อตนั้นนับว่าเป็นจุดที่ดีเยี่ยมที่สุดของเรื่อง แต่ว่าการซ่อนเงื่อนยังไม่แนบเนียนสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ในระหว่างที่สาวน้อยผิวสีไออยู่ในคอ เสมือนคุณกำลังเป็นโรคอะไรสักอย่างตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็พอเพียงจะทายใจออกแล้วล่ะ ว่าถ้าหากคุณไม่เป็นโรคร้ายอะไรสักอย่าง คุณก็คงจะได้รับโรคมาจากผู้ใดกันอีกครั้ง ซึ่งเพียงพอเฉลยคำตอบเงื่อนก่อนสิ้นเรื่อง

ว่าในความเป็นจริงแล้วสาวน้อยคนนี้มิได้มีพลังรักษา แต่ว่าคุณเปลี่ยนความเจ็บของคนอื่นมาไว้ที่ตัวคุณแทนต่างหาก ซึ่งมันทำให้เกิดฉากบีบอารมณ์ ที่ผู้แสดงนำชายของพวกเราจำเป็นต้องบังคับคุณให้ไปรักษาโรคโรคมะเร็งที่แม่ของเขากำลังปวดร้าวทรมาณอยู่กับมัน แม้ว่าสาวน้อยทราบเคราะห์กรรมของคุณดี ว่าคุณถูกตายแน่นอนแม้กระนั้นท้ายที่สุด ดารานำชายของพวกเราก็คิดได้ และไม่ใจดำจนถึงเหลือเกิน ที่จะปลดปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ถูกตาย

เรื่องราวมีถึงตรงที่มาร์คัสติดหนี้สินมาเฟียอีกกลุ่มที่ใหญ่มากยิ่งกว่า แม้ไม่ใช้หนี้ใช้สินก็จะพังทลายหมดอีกทั้งมึงร์เร็ตรวมทั้งมาร์คัส มึงร์เร็ตทะยานอยากที่ต้องการจะขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มขั้นต่ำก็ทัดเทียมกับมาร์คัส ก็เลยยื่นกติกาว่าจะช่วยมาร์คัสปลดหนี้สินแล้วพวกเราจะได้เป็นหุ้นส่วนอย่างทัดเทียมกัน ภารกิจชิงทรัพย์แบงค์เพื่อหารายได้มาจ่ายและชำระหนี้ล้มเหลว

ก็เลยมาสู่ภารกิจหลักของเรื่องเป็นลักขโมยไขกระดูกสันหลังที่ตำรวจยึดไปเพื่อเอามาทำเป็นสารเสพติดขายได้กำไรเป็นอย่างมาก ส่วนคอนเนอร์อยาก ‘เนีย’ (รับบทบาทโดย Kyla Kane) หญิงสาวที่มีพลังสำหรับเพื่อการรักษาโรค ที่จำต้องมาปลดหนี้สินบิดาของตนเองด้วยการเป็นพยายาบาลประจำตัวให้กับมาร์คัส โดยคอนเนอร์คาดหวังว่าจะใช้เนียเพื่อไปรักษาแม่ของตนที่ป่วยไข้รุนแรงอยู่ในโรงหมอ

Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2 ล่าคนโคตรพลังจังหวะที่ทั้งทีมไปดักชิงทรัพย์ไขกระดูกสันหลังจากตำรวจ เกิดเหตุทรยศคุ้นเคยแต่ละคนใช้พลังพิเศษของตนเอง ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้า ยิงกันตู้มต้ามลั่นเมือง ทางตำรวจนำกลุ่ม “ข้าราชการปาร์ค” (สวมบทโดย Sung Kang) พร้อมกลุ่มโดรนมาปรับแต่งเหตุการณ์และก็จับเหล่าอาชญากร

โปรดักชัน ถึงจะเป็นหนังทุนมิได้สูงมากสักเท่าไรนัก Code 8 Part II

Code 8 Part 2 (2024)

ยังคงทำเป็นดีสำหรับการสร้างโลกอนาคตที่อีกทั้งดิบรวมทั้งมีสไตล์ เทคโนโลยีต่างๆถูกเสนอออกมาได้น่าไว้ใจ เวลาที่ฉากแอ็คชั่นการใช้พลังของแต่ละนักแสดงก็ทำเป็นลื่นไหล เชิญตื่นเต้น

การต่อสู้กับหุ่น Guardian Units นั้นดูดุดันแล้วก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง สรุป Code 8: Part II เป็นภาคต่อที่ปรับปรุงขึ้นจากภาคแรกในหลายๆด้าน ถึงแม้จุดสำคัญของเรื่องหลักจะยังเป็นการสะท้อนปัญหาการแบ่งแยกทางด้านสังคมและก็การใช้อำนาจเลยขอบเขต แม้กระนั้นภาคนี้ได้ขยี้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดิบกว่าแล้วก็เต็มไปด้วยอันตราย หนังสร้างความสมดุลระหว่างแอ็คชั่นเข้มข้นแล้วก็การใส่หลักสำคัญที่กระตุ้นความนึกคิดได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิว Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2 ไม่มีสปอยล์ เรื่องราวภาคแรกเป็น เบื้องหลังในอนาคตอันใกล้ที่มีมนุษย์ปริมาณหนึ่งมีพลังพิเศษ แต่ว่าพวกเขากลับถูกกัดกันรวมทั้งถูกขังให้อยู่ภายในเขตพื้นที่จำกัด โดยมีตำรวจรวมทั้งหุ่นไซบอร์กรอควบคุมดูแล คอนเนอร์ รี้ด (แสดงโดย Robbie Amell )

หนุ่มที่มีพลังควบคุมกระแสไฟฟ้า รวมทั้งฝืนใจดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อหารายได้มารักษาแม่ที่ป่วยไข้ แต่ว่าเรื่องราวกลับเกินเลยทำให้เขามอบตัวแก่ตำรวจในตอนสุดท้ายของภาคแรก ส่วนภาคสองก็คือเรื่องราวข้างหลังพ้นโทษออกมา เขาได้ไปพบกับเด็กผู้หญิงที่หนีตายจากตำรวจมาอ้อนวอน แล้วก็จะต้องกลับไปร่วมมือกับการ์เร็ต (แสดงโดย Stephen Amell) ผู้กระทำผิดกฎหมายที่เชิญเขาไปดำเนินงานไม่ถูกต้องตามกฎหมายในภาคแรก เพื่อหาทางช่วยคุณรวมทั้งต่อสู้กับตำรวจโกงเหล่านี้อีกรอบ

เนื่องจากว่าหนังดำเนินเรื่องต่อโดยตรง โดยไม่มีฉากย้อนอดีตอดีตกาลเลย สำหรับผู้ชมที่ไม่เคยมองมาก่อนก็จะงวยงงๆแน่ๆกับความเชื่อมโยงนักแสดงรวมทั้งโลกในเรื่องที่มีสิ่งเสพติดที่เรียกว่า “ไซค์” ที่ทำจากน้ำไขสันหลังของคนเราที่มีพลังพิเศษ แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทราบก็ได้ เนื่องจากเรื่องดำเนินไปโดยมีเพียงแค่นักแสดงเก่าสำคัญๆเป็นตัวนำ 2 คนกับ King ตัวร้ายตำรวจคนเดิม (แสดงโดย Alex Mallari Jr.) ซึ่งเรื่องก็จุดโฟกัสวงไว้แคบๆเป็นเพียงแค่สถานะการณ์ตามล่าในสเกลเล็กๆจากทุนสร้างภาคใหม่ที่มิได้มากมาย

ดูแล้วงานสร้างอยู่ในระดับซีรีส์เล็กๆเพียงแค่ 1-2 ตอนแค่นั้น ก็เลยเกือบจะมิได้มองเห็นฉากแอ็กชั่นที่ใช้พลังพิเศษมากมาย บางครั้งก็อาจจะน้อยกว่าเก่าด้วยเพราะว่าภาคแรกเป็นการพยายามโชว์สกิลพวกนี้เพื่อขายตอนฉายโรง โดยภาคนี้ก็มีพลังกระแสไฟฟ้ากับพลังเทเลคิเนสิสของผู้แสดงนำอยู่ให้มองเห็นบางฉากสั้นๆซึ่งบางครั้งบางคราวก็ใช้การตัดภาพแทนการแสดงพลังให้มองเห็นเต็มๆอีก ส่วนพลังของเด็กผู้หญิงก็เป็นแถวควบคุมเครื่องจักร ซึ่งแทบจะมิได้ใช้ CG มาเกี่ยวโยงเลย แต่ว่าสิ่งที่ทำเป็นดีก็คือพวกงานสร้างไซบอร์กที่เป็นหมาตำรวจที่ออกมาเสมือนเอาหุ่นหมาจริงๆมาเล่นเลย และก็มีบทเป็นตัวสำคัญของภาคนี้ ซึ่งมีโชว์การไล่ล่ากับฉากต่อสู้มากมาย แม้กระนั้นก็เป็นเพียงแค่ศัตรูตามทางที่มีหลายตัวไม่ถึงกับเป็นบอส

โดยเวอร์ชันหนังใหญ่ของ Code 8 Part 2 (2024) ล่าคนโคตรพลัง ภาค 2 ก็ราวกับเป็นการขยายความหมายของชื่อจุดมุ่งหมายถึงอาชญากรรมโดยผู้มีพลังพิเศษ แน่ๆล่ะว่ามันเป็นการเปรียบเทียบเปรยๆ (Allergory) กับการเลือกปฏิบัติกับผู้ย้ายถิ่นหรือราษฎรชั้น 2 ในอเมริกาและก็สามารถวิพากษ์เรื่องชนชั้นได้เห็นภาพแถมไปไกลถึงกับขนาดเล่าฉาก Prologue หรือ บทนำ โดยการเอาฟุตเทจข่าวสารมาใส่เสียงชี้แจงรวมทั้งมีถ่ายเป็นเชิงสารคดีว่าเมืองลินด์คอนที่เป็นเบื้องหลังถูกทำโดยกรุ๊ปผู้มีพลังพิเศษก่อนถูกขัดขวางจนกระทั่งควรมีชีวิตทุกข์ยาก แล้วก็ทีละเล็กละน้อยที่ครั้งนี้บทหนังของ เจฟฟ์ เฉลียง แล้วก็ คริส แพร์ เลือกจะเอาดรามาเป็นศูนย์กลางการเล่าเรื่อง

โดยตัดปะแปลงทรงเพิ่มความเมโลดราม่าด้วยการผลิตให้ คอนเนอร์ รีด

แปลงเป็นลูกรู้บุญคุณที่ต้องหาเงินมารักษาแม่ เดินคู่ขนานไปกับโลกอาชญากรรมที่ก็ยิ่งเปรียบเทียบกับโลกเรื่องจริงไปยี้ก ซึ่งก็จำเป็นต้องเห็นด้วยว่าทั้งสองมีความครีเอตสำหรับการคิดเรื่องราวแล้วก็สร้างโลกของหนังขึ้นมาจนถึงมันสัมผัสๆจะเป็นไซไฟการบ้านการเมืองที่มีอ้างอิงชัดเจนมากมายเป็น Distirct 9 ของ นีล บลอมแคมป์

แม้กระนั้นจุดที่มันไปไม่ถึงเป็นการที่บทหนังไม่เลือกตัดอะไรออกเสียบ้างกระทั่งความพะรุงพะรังของเรื่องเล่าที่มีอีกทั้งแม่เจ็บไข้ หน่วยงานอาชญากรรมของเหล่าผู้มีพลังพิเศษ ไปจนกระทั่งเรื่องราวความลับของครอบครัวข้าราชการปาร์ค

เป็นเสมือนภาระหน้าที่ที่หนังต้องหาทางลงให้ได้กระทั่งอารมณ์ดราม่าที่หนังมานะปูให้พวกเราลุ้นตามผู้แสดงนำชายมิได้ปฏิบัติงานซักเท่าไหร่ congressodeacessibilidade มิหนำซ้ำสิ่งที่บทหนังปล่อยทิ้งอย่างไม่น่ายกโทษเป็นวิวัฒนาการของนักแสดงนี่แหละที่พอสมควรกระทั่งจบแล้วมันคงเดิมตลอดซึ่งก็นับว่าเป็นปัญหาสามัญของการดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขหนังสั้นไอเดียล้ำๆมาเป็นหนังยาวหลายเรื่อง กรณีศึกษากระจ่างที่สุดก็หนีไม่พ้นหนังอย่าง Skyline นั่นแหละนะครับ

ในส่วนของบทหนังมีการปรับปรุงที่ดียิ่งขึ้น เรื่องเลือกเล่าผู้แสดงผู้แสดงนำชายรี๊ดในแบบคนดีสุดๆโดยบากบั่นช่วยเด็กผู้หญิงจากใจจริง แต่ว่าก็จำเป็นต้องมาร่วมมือกับการ์เร็ตที่เป็นเจ้าพ่อค้ายาไซค์ ซึ่งมีวิถีชีวิตเลี้ยงเหล่าเด็กๆที่มีพลังพิเศษรวมทั้งดูดน้ำไขสันหลังออกมาขายเพื่อเลี้ยงชุมชน

โดยที่จ่ายส่วยให้ King ที่เป็นบอสของเรื่อง ซึ่งเขารับรองว่าทำไปเพื่อชุมชน แต่ว่าเรื่องก็ใช้จุดนี้สับขาหลอกผู้ชมไปๆมาๆหลายคราวว่าในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นข้างไหนกันแน่ และก็เป็นผู้ที่ทำเพื่อตนเองหรือชุมชนอย่างที่เขาบอก ซึ่งก็ทำให้มีฉากหักเหลี่ยมระหว่างอีกทั้ง 3 คนนี้ ซึ่งหนังก็ทำมันออกก้าวหน้ามีตอนที่บีบให้คั้นให้ผู้ชมเอาใจช่วยผู้แสดงการ์เร็ตมากกว่าผู้แสดงนำชายซะอีก รวมทั้งจบโดยทิ้งเงื่อนเรื่องไว้เล็กๆต่อภาค 3 กันได้อีก (ซึ่งคงจะได้ทำต่อ ถ้าเกิดมองจากทุนสร้างที่สเกลงานเล็กมากมายอย่างนี้)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *